2013/05/19

[BTOB] 130518 BTOB Press Play in Thailand : Fansign

130518 BTOB Press Play in Thailand : Fansign at MBK
by jmituna

PLEASE TAKE OUT WITH FULL CREDITS
THX~ 


















♡♡♡♡♡♡♡


2013/05/06

Seoul 2013 - 1.4 Bukchon, Samcheong-dong

(1.4) Bukchon Hanok Village, Samcheong-dong


2013.4.15


ยินดีต้อนรับสู่เขตจงโน(종로) เขตใจกลางกรุงโซลทั้งเก่าและใหม่ ที่ๆยังคงความเป็นเกาหลีในสมัยก่อนไว้ให้คนรุ่นปัจจุบันได้เห็น

ขอยึดสถานี Anguk 안국 (สาย3) เป็นที่ตั้งเลยละกันนะคะ เอนทรี่นี้จะไปตะลุย(?) ซัมชองดง และหมู่บ้านเกาหลีบุกชนค่ะ

มาเริ่มกันที่ Bukchon Hanok Village (북촌한옥마을) กันเลยดีกว่าค่ะ ลงรถไฟใต้ดินที่สถานี Anguk ทางออก 2 พอขึ้นมาแล้วก็เดินตรงมาเรื่อยๆประมาณ 300 m ก็จะถึงจุดเริ่มต้นของหมู่บ้านบุกชนแล้วค่ะ

ขอเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านบุกชนกันก่อน เนื่องจากหมู่บ้านนั้นตั้งอยู่ทางเหนือของคลองชองเกชอนและจงโน ชาวบ้านเลยเรียกว่า บุกชน (북촌) แปลว่า 'หมู่บ้านทางเหนือ' ส่วน ฮันอก (한옥) ใช้เรียกบ้านสไตล์เกาหลี นั่นเองค่ะ ซึ่งบ้านทั้งหมดในละแวกนี้นั้นก็เก่าแก่มาก บางหลังสร้างมาตั้งแต่สมัยโชซอน แต่ภายหลังก็ได้มีการซ่อมแซมหรือปรับเปลี่ยนให้เป็นเกสต์เฮ้าส์ ร้านอาหาร ร้านน้ำชา ต้อนรับนักท่องเที่ยว บางหลังก็ยังมีคนอยู่อาศัยจริงๆจนถึงปัจจุบันนี้

ในส่วนของบุกชน ล้อมรอบไปด้วยวังคยองบกกุง (경복궁) ศาลเจ้าจงมโย (종묘) และวังชางด๊อกกุง (창덕궁) ภายในบุกชนนั้นแบ่งย่อยอีกเป็นห้าเขตคือ ซัมชองดง(삼청동), กาฮเวดง(가회동),คเยดง(계동), แจดง(재동) และ วอนซอดง(원서동) คิดว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของซัมชองดงมาบ้างแล้ว (เดี๋ยวพาไปแน่นอน) ซึ่งเราสามารถเลือกเดินไปดูแต่ละที่ได้ตามความต้องการ ในเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของบุกชนจะมีรายละเอียดและแผนที่ของแต่ละส่วนให้ดูค่ะ แล้วก็มี route ที่แนะนำด้วย ลองเข้าไปดูได้
>> http://bukchon.seoul.go.kr/eng/index.jsp

แนะนำว่าควรศึกษาเส้นทางไปก่อนสักนิด (ดาว์นโหลดแผนที่เก็บไว้ก็ได้) เพราะมันกว้างมาก และมีตรอกซอกซอยเยอะ ถ้าเดินเรื่อยๆแล้วไม่รู้ทาง อ่านภาษาเกาหลีก็ไม่ออก อาจทำให้หลงทางได้ค่ะ โดยเฉพาะถ้าใครไปวันจันทร์ เป็นวันที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของบุกชนหยุด ก็จะไม่มีแผนที่แจก (แบบที่เราประสบพบมานั้นแล)


ดูมีเสน่ห์แบบเกาหลีมากๆค่ะ โดยส่วนตัวแล้วชอบรั้วหินของเค้ามาก 
มันตัดกับสีประตูไม้พอดีเลย สวยมาก


ตอนที่เราไปก็มีนักท่องเที่ยวบ้างพอสมควรค่ะ ส่วนใหญ่มากันเป็นหมู่คณะ เราเดินคนเดียวก็เหงาไปตามระเบียบ .__. โชคดีที่วันนั้นอากาศไม่หนาวมากและแดดไม่แรง เลยเดินสบายหน่อยค่ะ (ปลอบใจตัวเองอยู่555)



รูปนี้คือมุมจากหมู่บ้านด้านบนค่ะ ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินขึ้นเขามาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ 5555 แต่อากาศดีมากค่ะ มีจุดชมวิวตรงริมถนนด้วย พอมองไปก็จะเห็นว่าคนเกาหลีเค้าใช้พื้นที่หลังคาบ้านทำอย่างอื่นได้ด้วย น่าไปนั่งจิบกาแฟเหมือนกันนะเนี่ย~ 55555
ถนนที่มองเห็นข้างล่างคือ Samcheongdong-gil หรือถนนซัมชองดง ที่หมายต่อไปของเรานั่นเอง! 
(ป.ล. มองเห็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในวังคยองบกกุงกันไหมคะ~ เห็นรั้ววังด้วย)


ทางเดินลงไปถนนซัมชองดงค่ะ ลงไปก็จะเจอคาเฟ่เล็กๆกับร้านบะหมี่


Samcheong-dong

ซัมชองดง (삼청동) มาจากคำว่า ซัม(삼) ที่แปลว่า สาม, ชอง(청) แปลว่าสะอาด ส่วนคำว่าดง(동) เอาไว้ใช้เรียกชื่อหมู่บ้าน หรือเขตละแวกพื้นที่ต่างๆ (ถ้าเปรียบกับของไทยคงเป็นประมาณตำบลหรือแขวง) เลยมีความหมายว่า พื้นที่นี้ มีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อยู่สามอย่างคือ น้ำสะอาด ภูเขาสวยที่ล้อมรอบ และผู้คนที่เป็นมิตรต่อกัน

ความจริงแล้วที่ซัมชองดงนี้ ก็เป็นที่ตั้งของ Cheong Wa Dae (The President's office) ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งด้วยเช่นกัน แต่เราไม่ได้เข้าไป เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะมีอะไรมาก คงมีสวนกับตึกที่ดอลังการ เพราะเป็นถึงทำเนียบประธานาธิบดี แต่ถ้าใครอยากไปก็ได้ค่ะ หาไม่ยาก เพราะจะมีตำรวจ(หรือทหาร?)ยืนเวรอยู่เต็มทางเข้าเลย



ตรงนี้เดินมาได้สักพักแล้ว สองข้างทางที่ผ่านมาทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นร้านขายของ ทั้งคาเฟ่เบกอรี่ เสื้อผ้ารองเท้าเครื่องสำอางค์ หรือของแฮนเมดสารพัด ถูกใจสาวๆแน่นอนค่ะ 55555


จะเห็นได้ว่าถนนซัมชองดงนั้นเปลี่ยนไปมากกว่าทางแถบที่เป็นฮันอก แต่ว่าที่นี่ก็ยังคงวัฒนธรรมความเป็นเกาหลีดั้งเดิมอยู่ โดยการสร้างบ้านเรือนแบบเก่า ขอบอกว่าที่ถนนนี้สะอาดมากๆ เรียกได้ว่าเป็นถนนอาร์ทๆที่ไม่เลวทีเดียวค่ะ สมชื่อ



Hello Kitty Cafe นอกจากที่ฮงแดแล้วก็ยังมีที่นี่ด้วย (แต่ไม่ได้ไปชิมนะ เสียดายมากค่ะ)


ที่เห็นคนต่อแถวเยอะๆ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากร้านอาหารเก่าแก่ขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ นั่นคือร้าน ซัมชองดงซูเจบิ (삼청동수제비) 

ซูเจบิ เป็นแผ่นแป้งที่ฉีกแบบลวกๆด้วยมือ ทำมาจากแป้ง ซึ่งอาจมีสีแตกต่างกันไปโดยการผสมผักลงไปในแป้ง ส่วนน้ำซุปนั้นปกติแล้วทำมาจากปลาแห้ง หอย และสาหร่ายทะเล ต้องเคี่ยวนานๆเพื่อให้ได้รสชาตที่กลมกล่อม ทานคู่กับกิมจิชนิดต่างๆ เอาจริงๆก็คล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่บ้านเรา แต่เปล่ียนเป็นเป็นแผ่นแป้งบางๆแทนเส้นกับน้ำซุปที่ข้นกว่าหน่อย 


ถ้ามาร้านนี้แน่นอนว่าต้องลองชิมซูเจบิ (เจ้าของร้านพอยื่นเมนูมาให้ก็ชี้แต่อันนี้อย่างเดียวเลย 5555) แต่ที่ร้านก็มีเมนูอย่างอื่นอีกเช่น พาจอน(파전) หรือพิซซ่าเกาหลี, ปลาหมึกผัดซอสพริก(쭈꾸미볶음) ฯลฯ แต่เราไปคนเดียวเลยสั่งแค่ซูเจบิอย่างเดียว 7000 วอน/ชุด อร่อยมากๆค่ะ โดยเฉพาะน้ำซุปร้อนๆ ซดแล้วโล่งคอ ยิ่งพอทานคู่กับกิมจิแล้วยิ่งอร่อย ถ้าใครมีโอกาสก็ไม่ควรพลาดค่ะ >_< (แต่ถ้าไม่ชอบห้ามมาโทษเรานะ 555555)

เมื่อท้องอิ่ม จึงได้เวลากลับ โดยเลือกเดินเลียบกำแพงคยองบกกุงกลับไปยังสถานีอันกุก เพื่อเดินไปอินซาดงต่อค่ะ พอกลับมาดูแผนที่อีกรอบถึงได้รู้ว่าวันนี้เดินไปเยอะมากๆๆๆๆๆ ปวดขาเลย 555



ขอปิดท้ายเอนทรี่นี้ด้วยดอกซากุระงามๆที่หมู่บ้านบุกชนนะคะ~♥




[How to get there ย้ำอีกครั้งเผื่อลืม]

ไป Bukchon -> Anguk Sta. Exit 2
ไป Samcheong-dong (แบบไม่ต้องเดินผ่านหมู่บ้านบุกชน) -> Anguk Sta. Exit 1 พอเดินออกมาประมาณ 100 m แล้วเลี้ยวขวาไปในซอยที่อยู่ใกล้กับ Pungmun Girl's High School จากนั้นตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงถนนซัมชองดงค่ะ

2013/05/01

Seoul 2013 - 1.3 Gyeongbok-gung, Cheonggyechon

(1.3 Gyeongbok-gung )


2013.4.5


경복궁 พระราชวังคยองบก ที่ตั้งอยู่ในกลางกรุงโซล เป็นอีกที่ที่มาร์คดาวไว้ในลิสต์ว่าต้องไปให้ได้ เป็นอิทธิพลจากการดู K-Drama มากเกินไป จนทำให้อยากไปที่ๆเขาถ่ายทำกันดูสักครั้ง 55555 และค่าเข้า 3000 วอน ก็ถือว่าคุ้มทีเดียว (นี่งกหรือเปล่า 555)


อากาศกำลังดีเลยค่ะ ไม่ร้อนไม่หนาวมาก อย่างงี้ถือว่าคนเยอะมั้ยนะ? 




นี่ก็เป็นอีกมุมที่เหมือนจะเคยเห็นในซีรี่ย์ เลยต้องเก็บภาพมาสักหน่อย 


พระราชวังนี้มีเนื้อที่ใหญ่มาก ถ้าอยากเดินและถ่ายรูปทั้งหมดคงใช้เวลาหลายชม.เลยทีเดียว แต่สวยมากๆค่ะ ดูขลัง งดงาม และดูลงตัวกับตึกสูงที่เรียงรายอยู่นอกรั้ววังอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้ามีโอกาสได้ไปอยู่เกาหลีนานกว่านี้ ก็คงจะหาวันว่างไปเดินเล่นชิวๆดูอีกสักวันแน่นอน





ต้นอะไรก็ไม่รู้ สีเหลืองสวยดีเลยถ่ายมา 555


เดินออกมาจากคยองบกกุง ผ่านจตุรัสกวังฮวามุน (광화문) ก็มีอนุเสาวรีย์พระเจ้าเซจง (세종대왕) และทางเดินลงไปใน Haechi Madang เดินเลยต่อมาก็จะเห็นรูปปั้น(?)กรวยสีแดงน้ำเงินอันคุ้นตาตั้งเด่นอยู่ เป็นจุดเริ่มต้นของคลองชองเกชอน (청계천)  พอเดินมาถึงก็เจอคนไทยอีกแล้วค่ะ 55555 รู้สึกอบอุ่น เหมือนอยู่เมืองไทยเลย 

อนุเสาวรีย์พระเจ้าเซจง


เก้าอี้นั่งที่เป็นเอกลักษณ์ของกวังฮวามุนค่ะ ประดับด้วยดอกไม้สีสันสดใส กับตัวอักษรเกาหลี(ฮันกึล)


บรรยากาศดี๊ดี ถ้าได้มาเดินกับคนรู้ใจคงจะดีไม่น้อย >_< 
(ขอมโนว่าเป็นคนที่อยู่ในโปสเตอร์ที่บ้านละกันนะ 555)


เดินไปเรื่อยๆไม่มีทางขึ้นสักที เลยต้องเดินอีกไกลสุดๆ (ด้วยความผิดพลาดของเราเอง) เดินจนถึงสถานี Jonggak (สาย1 สีน้ำเงิน) นั่งไปแวะมยองดงหาอะไรทานสักหน่อย เดินไปเดินมาอยู่นานก็เจอร้านที่ทุกคนพร้อมใจกันตกลงไปกิน เป็นร้านทงคัตสึและโซบะเย็น(หมี่เย็น) มีทงคัตสึหมู ปลา หมู+ปลา และหมี่เย็นค่ะ ราคาประมาณ 6000-7000 วอน อร่อยและอิ่มมากกกก เพราะปริมาณเยอะใช่เล่นเลยค่ะ 


หลังจากนั้นพวกเราก็มีนัดกับเพื่อนคนไทยที่เรียนอยู่ที่นี่ ไปกินบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างกันที่ชินชน Sinchon ราคาหัวละ 7000 วอน (ไม่รวมค่าเครื่องดื่ม) ต้องขอโทษจริงๆเพราะจำชื่อร้านและที่ตั้งที่แน่นอนไม่ได้ T_T แต่อย่างที่รู้กันว่าแถบฮงแด-ชินชน-อีแด เป็นที่ตั้งของมหาลัยฮงอิก ยอนเซ และอีฮวา จึงทำให้แถวนั้นคึกคักมากเป็นพิเศษ และร้านอาหารนั้นมีให้เลือกอยู่ทั่วทุกมุม ทุกถนน ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างก็มีหลายร้านให้เลือก ตั้งอยู่ติดๆกันทั้งนั้นจนแทบเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าร้านไหน ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศครึกครื้น แวะไปแถวนั้นก็สนุกไปอีกแบบค่ะ

หลังจากกินจนอิ่มแบบสุดๆแล้ว ก็กลับมาฮงแดกัน แวะนั่งชิวที่ร้านกาแฟ(ตอนห้าทุ่ม)สักพัก ก่อนจะออกมายืนฟังดนตรีสดที่หนุ่มๆเกาหลีเขามาเล่นเปิดหมวกกัน เนื่องจากวันนั้นเป็นคืนวันศุกร์ ทำให้ฮงแดครึกครื้นมากๆ ประกอบกับอากาศดี ที่ไม่หนาวและลมแรงจนเกินไป เลยมีคนมาเล่นดนตรีเยอะ (ซึ่งหน้าตาดีด้วย >_<) ยืนฟังอยู่พักหนึ่งก่อนเพื่อนจะพาเดินต่อไปรอบๆ ผ่านถนนช้อปปิ้งที่มีเสื้อผ้าวัยรุ่นยาวเหยียด เล่นเอาหายง่วงเลยทีเดียว 5555 เราได้ของติดไม้ติดมือกลับมาเล็กน้อย แล้วจึงตัดสินใจกลับที่พัก (พี่เจ้าของคงจะสงสัยว่าเด็กพวกนี้กลับดึกขึ้นทุกคืนเลย 555555)

ขอนอนหลับให้เต็มอิ่มเพื่อชาร์จพลังไปติ่งวันพรุ่งนี้(คนเดียว)นะคะ 5555 Zzzzz



[How to get there] 


To Gyeongbok-gung

ลงรถไฟที่สถานี Anguk 안국 (สาย3) ทางออก 5
หรือสถานี Gwanghwamun 광화문 (สาย5) ทางออก 1 แล้วต้องเดินย้อนขึ้นมานิดหน่อย จะเข้าทางประตูใหญ่ของวังเลยค่ะ (แต่เราว่าลงที่ Anguk ใกล้กว่านะ) จากสถานีนี้ถ้าไม่ไปวังก่อน ขึ้นมาก็จะเจอคลองชองเกชอนกับจตุรัสกวังฮวามุนเลยค่ะ

** คยองบกกุง เปิดทำการทุกวันยกเว้นวันอังคาร
ช่วง มี.ค. - ต.ค. เปิด 9:00 - 18:00 น.
       พ.ย. - ก.พ. เปิด 9:00 - 17:00 น.

- ที่สถานีกวังฮวามุน มีร้านหนังสือที่เรียกได้ว่าใหญ่ที่สุดของเกาหลี นั่นก็คือ Kyobo Book Center (Kyobo Building) มีขายหนังสือเกาหลี ต่างประเทศ เครื่องเขียน ซีดี ดีวีดี แมกกาซีน ด้านในมีร้านกาแฟด้วย เรียกได้ว่าครบครันเลยค่ะ ถ้ามีเวลาก็ลองแวะเข้าไปดูได้ มีหนังสือสอนภาษาเกาหลีสำหรับชาวต่างชาติด้วย

- จากสถานี Anguk สามารถไป Bukchon Hanok Village, Insadong ได้อีกด้วยค่ะ (มีต่อในเอนทรี่ต่อไป~)


To Shinchon

รถไฟใต้ดินสถานี Sinchon 신촌 (สาย2) หรือโดยรถบัสก็สะดวกค่ะ มีรถบัสหลายสายมากที่ผ่านชินชน ตรงที่เป็นห้าแยกที่จะมีร้านอาหารและห้างใหญ่ ก็ลงที่ป้าย 신촌로터리

Seoul 2013 - 1.2 nami island


(1.2 nami island)


2013.4.4

เกาะนามิ... ไปถึงแล้วนึกว่าประเทศไทย ทำไมมีแต่คนไทย 55555




ส่วนตัวแล้วชอบบรรยากาศที่นี่มาก มันดูเงียบสงบและเย็นสบายดี ถ่ายรูปสวยด้วยค่ะ 5555 ถ้าอยากมาเดินเล่นว่างๆไปกับธรรมชาติ ที่นี่ถือว่าเหมาะทีเดียวค่ะ มีครบครันทุกอย่างบนเกาะสมกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม แต่กว่าจะได้รูปจากมุมยอดฮิตก็คงต้องสู้กับกองทัพนักท่องเที่ยวนิดนุง ถ้าบังเอิญไปในช่วงเทศกาลพอดี แต่ก็คุ้มค่ะ และแน่นอนว่าทุกคนต้องไม่พลาดรูปปั้นพี่เบยองจุนใช่ไหมเอ่ย 5555




บริเวณลานจอดรถตรงหน้าทางขึ้นเรือเฟอร์รี่ก็มีร้านอาหารมากมายให้เลือกค่ะ ส่วนใหญ่เป็นทักคัลบิ (닭갈비) หรือไก่ผัดซอสกระทะร้อนสไตล์เกาหลีนั่นเอง รับรองว่าอร่อยเด็ดสุดๆค่ะ ก็ขอฝากท้องไว้ที่นั่นอีกมื้อ ก่อนจะกลับโซล ซึ่งตอนวันนั้นที่หมายต่อไปคือ N Seoul Tower ค่ะ แต่จะขอเก็บไว้ลงอันสุดท้ายละกันเนอะ เพราะรูปเยอะ >_<




[How to get there วิธีเดินทาง]

โดยรถไฟ
หากสตาร์ทจาก ฮงแด (홍대입구역) ให้นั่งไปเปลี่ยนรถสถานี Wangsimni (왕십리 / เชื่อมกับสายสีม่วง,บุนดัง,จุงอัง) เป็นรถไฟสาย Jung-ang Line (중앙선) แล้วไปเปลี่ยนอีกรอบที่สถานี Sangbong (상봉 /เชื่อมกับ สายจุงอัง,สาย7) มองหาป้าย Gyeongchun Line (경춘) นั่งรถไปประมาณหนึ่งชั่วโมงนิดๆก็ลงที่สถานี Gapyeong (가평) ค่ะ
- ค่าโดยสารสตาร์ทจากวังชิมนีถึงกาพยองรวมแล้วประมาณ 1850 วอนเท่านั้นเองค่ะ ถูกมากๆ

พอเดินออกมาจะเลือกนั่งรถบัสธรรมดา หรือจะเป็น Circle Tour Bus (ที่ไปจอดที่สวนพฤกษศาสตร์ หมู่บ้านฝรั่งเศส ฯลฯ) ราคา 5000 วอน​(ต่อเที่ยว) หรือจะใช้บริการรถ Taxi  ประมาณไม่ถึง 3000 วอนแน่นอนค่ะ ถ้าไปกันหลายคนก็จะยิ่งคุ้มมากเพราะหารออกมาแล้วคนละไม่ถึงพันวอนด้วยซ้ำ

- หากใครไม่ชอบเปลี่ยนรถลำบาก อยากนั่งเที่ยวเดียว ก็มีรถ Limousine Bus ให้บริการจากสถานีอินซาดงและจัมชิลค่ะ 15000 วอน
=> อินซาดง ลงที่สถานี Jonggak (สาย1) ทางออก 3 อยู่ใกล้ๆกับ Tapgol Park
=> Jamsil ลงที่สถานี Jamsil (สาย2,8) ทางออก 4 อยู่ตรงหน้า Lotte Mart



2013/04/26

Seoul 2013 - 1.1 everland


(1.1 everland)


2013.4.3

Let's go to EVERLAND~

สภาพอากาศแจ่มใสมากตามที่บอกในพยากรณ์อากาศเป๊ะ (ของเค้าแม่นจริง 555) เราออกเดินทางกันตั้งแต่9โมง โดยรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Gangnam 강남 (สายสีเขียว) เพื่อออกมาขึ้นรถบัส สาย 5002 ต่อไปยังเอเวอร์แลนด์ ใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีก็ถึง จากนั้นก็เดินไปขึ้น Shuttle Bus ของสวนสนุกเพื่อไปยังทางเข้า พี่โชเฟอร์จะประกาศหมายเลขชานชาลาที่รถบัสจะออก ก็ต้องจำด้วยนะคะ ขากลับจะได้ขึ้นมาที่ป้ายรถบัสอันเดิมถูกค่ะ~

โชคดีที่ตอนนั้นมีโปรโมชั่นตั๋ว 1+1 ราคา 40000 วอน เราเลยหารกับเพื่อน ออกกันแค่คนละสองหมื่นวอน ซึ่งถูกลงและคุ้มค่ามากๆๆๆ



ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลสวนดอกทิวลิปค่ะ มีพื้นหลังเป็นตึกแถวสไตล์ฮอลแลนด์ น่ารัก~



ข้าวกลางวันของวันนี้เป็นข้าวห่อไข่ (Omurice) อร่อยอีกตามเคย 5555 จริงๆที่นี่มีให้เลือกหลายเมนู และมีอาหารหลายแบบเลยค่ะ ทั้งอาหารเกาหลีดั้งเดิม ฟาส์ตฟู้ดจำพวกฮอทดอก เบอร์เกอร์ หรืออาหารกึ่งอาหารญี่ปุ่นแบบข้าวห่อไข่


 พอเสร็จจากเรื่องกินแล้วเราก็ขอไปต่อแบบชิวๆที่โซน Zootopia: Safari world นั่งรถชมเสือ สิงโต นก หมี ฯลฯ




เดินผ่าน T Express เด่นมาแต่ไกล พร้อมกับเสียงรางไม้อันเป็นเอกลักษณ์ แต่เนื่องจากมันเย็นแล้ว และอากาศก็เย็นลง เราทั้งหมดเลยขอบาย... (กลัวก็บอกมาตรงๆเหอะ 5555) คือเราเล่นไปแค่ Rolling X Train ที่เป็นรถไฟเหาะเหมือนกัน สนุกดีค่ะ เดินลงมานี่ก็เซแล้ว เพราะงั้น T Express นี่ขอไว้คราวหน้าละกันนะ เมื่อพร้อม 55555



ความสุขที่สุดที่ได้จากเอเวอร์แลนด์ ไม่ใช่แค่บรรยากาศดี แต่เป็นหนุ่มแว่นหนุ่มเกาหลีที่มีอยู่เต็มสวนสนุกเลยต่างหากค่ะ 55555555555 ทำไมน่ารักกันหมดเลยยยย โดยเฉพาะเด็กๆ หน้าขาวอมชมพู แก้มยุ้ยปากแดง น่ารักน่ากอดมากๆ =w= ขอพี่ยืมกลับไทยได้ไหมคะ 555



ก่อนกลับเรา4คนแวะเล่น Flash Bang Bang ในโซน Magic Land ชอบอันนี้มากๆๆๆ มันตลกมาก คือมันจะขยับขึ้นๆลงๆแล้วหมุนได้ด้วย มีแต่เด็กๆเล่น แต่เราก็ไม่แคร์ เล่นมันสองรอบเลย 55555 ใครไม่ชอบรถไฟเหาะหรืออะไรที่หวาดเสียวมากก็ลองอันนี้ดูได้นะคะ สนุกไปอีกแบบค่ะ



ประมาณทุ่มครึ่งเราก็ออกจากสวนสนุก ระหว่างทางบนรถบัสก็ต่างคนต่างหลับ เพราะใช้พลังงานไปเยอะมาก 55555 พอถึงสถานีจึงขอแวะออกมากินข้าว ร้านไก่ทอด Two Two Fried Chicken ที่มีสาขาอยู่หลายที่ในเกาหลีและโซล อร่อยสมชื่อค่ะ น้ำจิ้มก็อร่อย เสียอย่างเดียวคือไม่มีข้าว YY เด็กไทยอย่างเราไม่ถนัดกินกับเฉยๆ ที่ปกติคนเกาหลีจะกินไก่ทอดกับกับแกล้มและเหล้าเบียร์ซะมากกว่า (ทำได้ไง TT)


จบวันด้วยการแวะซื้อนมกล้วยที่มินิมาร์ทก่อนเข้าที่พัก

พบกับเอนทรี่ต่อไปเร็วๆนี้นะคะ~ >< ขอบคุณมากค่า